ความรู้เกี่ยวกับมด
1. มดงาน (WORKER) เป็นมดเพศเมีย เป็นหมัน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามขนาด ขนาดใหญ่จะทำหน้าที่เป็นมดทหารต่อสู้ป้องกันรังขนาดเล็ก จะทำหน้าที่เป็นมดงานหาอาหารเลียงพลรัง ก่อสร้างรัง มดงานมีอายุยืนยาวประมาณ 4 - 7 ปี สังคมของมดกลุ่มๆ หนึ่งจะมีอายุนานกว่ามนุษย์ 2. มดตัวผู้ (MALE) เป็นมดมีปีก มีขนาดใหญ่ มีกล้ามเนื้อปีกที่บริเวณอกใหญ่ จะทำหน้าที่สืบพันธุ์เท่านั้น หลังจากผสมพันธุ์แล้วจะตายภายใน 1-2 วัน ส่วนใหญ่จะถูกฆ่าหรือทิ้งให้อดอาหารตาย เพราะไม่มีประโยชน์ในรังอีกต่อไปภายหลังผสมพันธุ์แล้ว 3. มดตัวเมีย (QUEEN) มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัง มีปีก มีหน้าที่ออกไข่เพิ่มประชากรมดเพียงอย่างเดียว ตัวอ่อนของมดจะคล้ายหนอน ไม่มีขา ตัวเล็ก ซึ่งจะพัฒนา เป็นมดงาน นางพญามดจะมีชีวิตอยู่ได้นาน 1 -2 ปี จนถึง 12 – 15 ปี ในรังมดรังหนึ่งจะมีมีนางพญามดได้มากกว่า 1 ตัว การดำรงชีวิตของมด มดกินอาหารเกือบทุกชนิด เช่น หวาน ไขมัน พืชผัก และเนื้อสัตว์ทุกชนิด มดบางชนิดมีวัฒนาการสูง สามารถดูดน้ำหวานจากต่อมน้ำหวานของพืชแล้วสะสมน้ำหวานไว้เป็นของมัน
มีมดอยู่หลายชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์และควรรู้จักได้แก่ 1. มดคันไฟ (Solenopsis geminata) ลักษณะทางชีววิทยา : ทำรังอยู่ใต้ดินที่ร่วนซุยโดยดินทรายรังหนึ่งๆมีรูทางเข้าออกเล็กๆบนพื้นดินได้หลายรูกินแมลงและซากสัตว์เล็กๆเป็นอาหาร ความสำคัญทางการแพทย์ : ใช้เหล็กในต่อยผู้ถูกต่อยจะรู้สึกเจ็บแสบคล้ายถูกไฟลวกจึงเรียกมดคันไฟหลังจากถูกต่อยจะมีอาการบวมแดงขยายกว้างขึ้นและจุดที่ถูกต่อยจะใสคล้ายถูกไฟลวกและจะมีอาการคันมากเมื่อเกาผิวหนังจะบวมแดงแผ่กว้างขึ้น 2. มดละเอียดหรือมดเหม็น (Tapinoma melanocephalum) ลักษณะทางชีววิทยา : ทำรังบนดินร่วนบริเวณโคนต้นไม้เช่นต้นไผ่ชอบซ่อนตัวตามกาบใบที่มีความชุ่มชื้น ความสำคัญทางการแพทย์ : เมื่อเข้ามาหาอาหารในบ้านเรือนจะขับถ่ายสารปนเปื้อนใส่อาหารทำให้มีกลิ่นเหม็นทำอันตรายคนโดยการกัดแต่จะเกิดอาการคันเพียงเล็กน้อยไม่รุนแรง ลักษณะทางชีววิทยา : เป็นมดที่ทำรังหลักหรือรังใหญ่ (mother colony) อยู่ภายนอก บ้านแต่มดงานจะเข้ามาหาอาหารภายในบ้านเรือนรังจะมีขนาดต่างๆกันตั้งแต่รังขนาดเล็ก จนถึงรังขนาดใหญ่ที่มีประชากรเป็นหมื่นเป็นแสนตัวและพบว่ามดชนิดนี้สามารถสร้างรังย่อย (daughter colony) แตกออกมาจากรังหลักกระจายอยู่ในบ้านหรือตามที่อยู่อาศัยต่างๆของ คนเช่นอพาร์ตเมนต์โรงงานโรงพยาบาลโดยรังย่อยเหล่านี้จะซ่อนอยู่ตามรอยแตกของผนัง ช่องว่างตามกำแพงกล่องสวิตช์ไฟนอกจากนี้ภายในรังเดียวกันสามารถมีมดราชินีได้มากกว่า 1 ตัวมดละเอียดเป็นมดที่ผสมพันธ์ุภายในรังและผสมพันธ์ุได้ทั้งปีหลังผสมพันธ์ุแล้วราชินี ตัวใหม่จะออกจากรังเดิมเพื่อไปสร้างรังใหม่ มดละเอียดชนิดนี้กินอาหารได้หลายชนิดโดยกินได้ทั้งน้ำตาลและโปรตีนพวกเนื้อสัตว์ เศษซากแมลงที่ตายแล้วเลือดน้ำเหลืองและสารคัดหลั่งอื่นๆจากร่างกายของคนเป็นมดที่ จัดได้ว่าทำการควบคุมได้ยากเนื่องจากเป็นมดที่มีขนาดเล็กหลบซ่อนตัวได้ง่ายหากินไกล ออกไปจากรังมีทั้งรังหลักและรังย่อยซึ่งยากต่อการค้นหาและพบว่าการใช้สารเคมีในการ ฉีดพ่นที่รังใดรังหนึ่งและทำให้ประชากรแตกกระจายบางครั้งจะทำให้มดชนิดนี้ยิ่งแตกออก เป็นรังย่อยๆหรือเรียกว่า budding ซึ่งทำให้การควบคุมทำได้ยากยิ่งขึ้น ความสำคัญทางการแพทย์ : มีเหล็กในแต่ไม่ปรากฎให้เห็นเมื่อถูกรบกวนจะป้องกัน ตัวโดยการกัดผู้ถูกกัดจะรู้สึกเจ็บและคันเพียงเล็กน้อยปัญหาทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะเกิด ขึ้นเมื่อมดชนิดนี้เข้ามาสร้างรังย่อยอยู่ในโรงพยาบาลและมดงานออกหาอาหารภายใน โรงพยาบาลซึ่งจะทำให้เกิดการปนเปื้อนหรือการแพร่กระจายของเชื้อโรคระหว่างพื้นที่ต่างๆ ในโรงพยาบาลได้ 4. มดละเอียด (Monomorium indicum) ลักษณะทางชีววิทยา: ทำรังในดินพบตามบ้านที่อยู่อาศัยชอบกินของหวานเมื่อมากินอาหารแล้วจะปล่อยสิ่งขับถ่ายทำให้อาหารมีรสชาติเปลี่ยนไปเคลื่อนไหวรวดเร็วมักเห็นเดินบนกำแพงหรือฝาห้องมากกว่าบนพื้น ความสำคัญทางการแพทย์: เมื่อถูกรบกวนจะป้องกันตัวโดยการกัดผู้ถูกกัดจะรู้สึกเจ็บและคันเพียงเล็กน้อย ลักษณะทางชีววิทยา : ทำรังในดินร่วนมองผิวดินจะเห็นเป็นเพียงรูเปิดเล็กๆและมี ดินร่วนกองอยู่รอบๆของขอบรูเข้าออกชอบทำรังในที่ร่มชื้นกินแมลงและเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ความสำคัญทางการแพทย์ : ทำอันตรายคนโดยการกัดอาการจะคล้ายคลึงกับอาการ ของคนที่ถูกมดคันไฟต่อยมาก 6. มดแดง(Oecophylla smaragdina) ลักษณะทางชีววิทยา : ทำรังบนต้นไม้ใหญ่เช่นต้นมะม่วงชมพู่โดยใช้ใบเหล่านี้ประกอบ เป็นรังโดยตัวอ่อนจะปล่อยสารเหนียวออกมาเชื่อมใบไม้ประกบกันเมื่อพบเหยื่อจะทำร้ายเหยื่อ โดยการกัดและฉีดสารพิษออกทางปลายท้องเมื่อเหยื่อได้รับบาดเจ็บก็จะช่วยกันลากกลับรัง ความสำคัญทางการแพทย์ : เมื่อถูกรบกวนจะทำอันตรายคนโดยการกัดผู้ถูกกัดจะ รู้สึกเจ็บปวดมากต่อมาจะเกิดอาการบวมคัน 7. มดแดง(Oecophylla smaragdina) ลักษณะทางชีววิทยา : ทำรังอยู่ในต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้วเช่นต้นก้ามปูทำให้ต้นไม้ เป็นโพรงอยู่ภายในหากินบนต้นไม้และพื้นดินใกล้เคียงเป็นพวกกินเนื้อเป็นอาหาร ความสำคัญทางการแพทย์ : จะต่อยโดยใช้เหล็กในผู้ถูกต่อยจะปวดคล้ายถูกผึ้งต่อยเหล็กในจะทำให้เกิดความเจ็บปวดและอาการบวมต่อมาจะคันมาก
|
ความรู้เกี่ยวกับปลวก ความรู้เกี่ยวกับแมลงสาบ ความรู้เกี่ยวกับหนู ความรู้เกี่ยวกับยุง ความรู้เกี่ยวกับมอด ความรู้เกี่ยวกับไรฝุ่น ความรู้เกี่ยวกับเรือด |